เป็น/อยู่/คือ
สารบัญ
บทนี้จะแนะนำคำกริยาเป็นเบื้องต้น เรื่องคำกริยาในไวยากรณ์บาลีเป็นเรื่องใหญ่และมีความยากในการทำความเข้าใจ ในที่นี้จึงไม่ได้สอนตามตำราไวยากรณ์ เพียงแนะนำการใช้งานพอให้เข้าใจ โดยเราจะเริ่มที่คำกริยาที่ใช้มากที่สุด นั่นคือ to be หรือ เป็น/อยู่/คือ ในบาลีมีสามคำที่ใช้ในความหมายนี้ ได้แก่ hoti bhavati และ atthi ทั้งสามคำความจริงมีการใช้ที่ต่างกันเล็กน้อย (ต่อเมื่อท่านได้อ่านคัมภีร์ไปพอสมควรจะเห็นได้ จะมองว่าเป็นเรื่องสไตล์ก็ได้ เช่น atthi มักใช้ในความหมายว่า มีอยู่) แต่ในที่นี้ให้ถือง่าย ๆ ว่ากริยาทั้งสามตัวนี้ใช้แทนกันได้
จากที่เคยอธิบายไว้ว่าคำ (ส่วนมาก) ในประโยคบาลีจะถูกแปรรูปไปตามหน้าที่ กริยาก็เช่นกัน แต่การแปรรูปของกริยาจะต่างจากนาม เราเรียกว่า conjugation ซึ่งทีสิ่งที่ต้องคำนึง 4 อย่าง คือ tense/mood, person, number, และ voice (ใช้ภาษาไทยจะทำให้งงมากขึ้น)
รูปที่แปรแล้วของคำกริยาสามารถบอกข้อมูล 4 อย่าง ดังนี้
- tense/mood (กาล) ได้แก่ ปัจจุบัน อดีต อนาคต คำสั่ง (imperative) คำแนะนำ/คาดคะเน (optative) และเงื่อนไข (conditional)
- person (บุรุษ) ได้แก่ บุรุษที่หนึ่ง บุรุษที่สอง และ บุรุษที่สาม (ตามความหมายของสรรพนาม)
- number (พจน์) ได้แก่ เอกพจน์ กับ พหูพจน์
- voice (บท) ได้แก่ active voice (ปรัสสบท) กับ middle voice (อัตตโนบท)1
ที่ยกขึ้นมาข้างต้น hoti bhavati และ atthi เป็นรูปตามพจนานุกรม แต่ก็เป็นรูปที่ถูกแปรแล้วตามหน้าที่ สำหรับคำกริยาเราจะไม่พูดถึงรูปดิบเหมือนที่เราพูดถึงคำนามต่าง ๆ (รูปดิบจริง ๆ ของกริยาคือธาตุ ซึ่งจะไม่อธิบายในที่นี้) แต่จะพูดถึงรูปนิยมทั่วไป (canonical form) คือ รูปปัจจุบัน บุรุษที่สาม เอกพจน์ ปรัสสบท (active voice) เพื่อให้เห็นภาพจะแสดงรูปปัจจุบันกาลของกริยาทั้งสามเฉพาะที่เป็น active voice ตามตารางข้างล่าง ทั้งหมดนี้ควรจำให้ขึ้นใจ ในชุดของ atthi มีการแปรรูปแบบเฉพาะจึงควรใส่ใจเป็นพิเศษ
กริยา | บุรุษ | เอกพจน์ | พหูพจน์ |
---|---|---|---|
hoti | 3rd | hoti | honti |
2nd | hosi | hotha | |
1st | homi | homa | |
bhavati | 3rd | bhavati | bhavanti |
2nd | bhavasi | bhavatha | |
1st | bhavāmi | bhavāma | |
atthi | 3rd | atthi | santi |
2nd | asi | attha | |
1st | amhi, asmi | amha, asma |
การใช้รูปกริยาเหล่านี้ในประโยคบอกเล่าส่วนมากจะวางไว้ท้ายประโยค ดังตัวอย่างต่อไปนี้ (ให้สังเกตว่าการใช้กริยาไม่ขึ้นกับเพศ เพียงแต่เพศของคำต้องสอดคล้องกับเพศบุคคลจริง)
- ahaṃ dārako/dārikā homi
= I am a boy/girl.- mayaṃ dārakā/dārikāyo homa
= We are boys/girls.- tvaṃ dhanavā/dhanavatī hosi
= You are rich.
= You are a rich person.- tumhe paññāvanto/paññāvatiyo hotha
= You are wise.
= You are wise people.- taṃ atthavaṃ potthakaṃ hoti
= It is a useful book.
= That is a useful book.- tāni atthavanti potthakāni honti
= They/Those are useful books.
ทั้งหมดนี้สามารถแทนกริยาชุด hoti ด้วย ชุดของ bhavati หรือ atthi ได้โดยมีความหมายเดียวกัน โดยทั่วไปการเปลี่ยนตำแหน่งไม่มีผลต่อความหมาย (แต่มีผลต่อการเน้น) แต่บางครั้งทำให้ความหมายเปลี่ยนไปเล็กน้อย ดังตัวอย่างดังนี้
- atthavaṃ potthakaṃ hoti
= There is a useful book.- atthavaṃ hoti potthakaṃ
= There is a useful book.- hoti atthavaṃ potthakaṃ
= There is a useful book.- potthakaṃ atthavaṃ hoti
= A book is useful.- potthakaṃ hoti atthavaṃ
= There is a useful book.- hoti potthakaṃ atthavaṃ
= There is a useful book.- taṃ atthavaṃ potthakaṃ hoti
= That is a useful book.
= That useful thing is a book.- taṃ potthakaṃ atthavaṃ hoti
= That book is useful.- taṃ atthavaṃ hoti potthakaṃ
= That useful thing, a book, exists.- taṃ potthakaṃ hoti atthavaṃ
= That book is useful.
= That book is a useful thing.
= That book exists, being useful.- taṃ hoti atthavaṃ potthakaṃ
= It exists, a useful book.- taṃ hoti potthakaṃ atthavaṃ
= That book exists, being useful.
ทั้งหมดนี้เป็นการวิเคราะห์อย่างละเอียด แต่ในการใช้จริงความหมายอาจจะไม่เปลี่ยนแปลงเลยเมื่อตำแหน่งเปลี่ยนไป โดยเฉพาะในการแต่งฉันท์ อีกอย่างหนึ่งการขึ้นต้นประโยคด้วยคำกริยา เป็นวิธีหนึ่งในการทำประโยคคำถาม (ดูที่ การตั้งคำถามเบื้องต้น) ฉะนั้นประโยคที่ขึ้นด้วย hoti อาจจะมองเป็นคำถามก็ได้ เช่น hoti atthavaṃ potthakaṃ? = Is there a useful book? (กรณีอย่างนี้เรามักจะเห็น atthi atthavaṃ potthakaṃ? มากกว่า)
อย่างไรก็ดี เมื่อมีบทขยายหลายบท รูปแบบที่นิยมในคัมภีร์คือการวางบทขยายส่วนใหญ่ไว้หลังกริยา ดังตัวอย่างข้างล่าง
- tā dārikā hoti sundarā dhanavatī paññāvatī
= She is a beautiful, rich, wise girl.
= That girl is beautiful, rich, (and) wise.- tā sundarā dārikā hoti dhanavatī paññāvatī
= She is a beautiful, rich, wise girl.
= That beautiful girl is rich (and) wise.
เชิงอรรถ
-
อันนี้เป็นหลักโบราณ เรื่องนี้เข้าใจยากมากเมื่ออธิบายด้วยไวยากรณ์ไทยเพราะเราไม่มี active/passive voice ส่วนภาษาอังกฤษก็ยังถือว่ายากเพราะไวยากรณ์อังกฤษไม่มี middle voice (เรื่องนี้จะอธิบายเมื่อเราพูดถึงประโยค passive voice) แม้แต่บาลีที่จารึกไว้ในคัมภีร์ก็ใช้ปรัสสบทเป็นหลัก เราจะพบอัตตโนบทได้ส่วนมากก็ในคาถาที่มีความเก่าแก่ กล่าวได้ว่าอัตตโนบทนั้นเลิกใช้แล้วตั้งแต่ยุคจารึกคัมภีร์ ที่เราต้องเรียนไว้เพราะในคัมภีร์ยังมีรูปเหล่านี้อยู่แม้ไม่มากนัก ส่วนในทางปฏิบัติรู้ปรัสสบทอย่างเดียวให้ดีก็ถือว่าเพียงพอ ↩